ข่าวสาร

การลงทุนซื้อขายโรงแรมในไทยปี 62 มีมูลค่าลดลง

ความต้องการซื้อสูง แต่โรงแรมที่เสนอขายมีน้อย

กุมภาพันธ์ 04, 2563

ในปี 2562 ที่ผ่านมา ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นเพียง 3.7 พันล้านบาท ซึ่งลดลงมากจากปี 2561 ที่มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 2.05 หมื่นล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากการที่ในปีที่ผ่านมา โรงแรมที่เจ้าของเสนอขายมีจำนวนไม่มาก ตามการรายงานจากหน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล

การซื้อขายโรงแรมที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา มี 4 รายการ ได้แก่ โรงแรมโฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน กรุงเทพ โรงแรมอนันตรา บ้านราชประสงค์ (สิทธิการเช่า ปัจจุบันคือดุสิต สวีท ราชดำริ กรุงเทพ) โรงภาษีร้อยชักสาม (สิทธิการเช่า อาคารประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่ง บมจ. ยู ซิตี้ จะบูรณะให้เป็นโรงแรม) และโรงแรมสวนบวกหาด ชะอำ

ใน 4 รายการดังกล่าว โฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน กรุงเทพ เป็นรายการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงสุด คือ 2.25 พันล้านบาท มีเจแอลแอลเป็นตัวแทนการขาย และผู้ซื้อคือ TA Global Berhad จากมาเลเซีย

นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา รองประธานบริหารภาคพื้นเอเชีย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า “ในปีที่มา มีทั้งนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจสูงในการซื้อโรงแรมในประเทศไทย โดยเฉพาะ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่ แต่โรงแรมที่มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการลงทุนที่มีเสนอขายมีจำนวนลดลงมาก หลังจากที่มีการซื้อขายมากเป็นประวัติการณ์ในช่วงสองปีก่อนหน้า คือ ปี 2560 และ 2561”

นอกจากการมีโรงแรมจำนวนน้อยเสนอขาย อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มูลค่าการลงทุนซื้อขายโรงแรมลดลงในปีที่ผ่านมาคือ การซื้อขายโรงแรมบางรายการ ไม่สามารถดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ได้ทันก่อนสิ้นปี

“มีการซื้อขายโรงแรมรายการสำคัญๆ ส่วนหนึ่งที่ผู้ซื้อผู้ขายมีการลงนามในสัญญาซื้อขายกันไปแล้วในปีที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันและต้องเลื่อนการโอนมาเป็นปีนี้ ดังนั้น จะถูกนับเป็นรายการซื้อขายของปีนี้ ซึ่งบางรายการเป็นการซื้อขายที่มีมูลค่าสูง และจะมีส่วนทำให้มูลค่าการลงทุนซื้อโรงแรมโดยรวมของทั้งปีนี้เพิ่มสูงขึ้น” นายจักรกริชกล่าว

แม้จะสนใจสูง แต่นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น

ข้อมูลจาก STR Global ระบุว่า โรงแรมในประเทศไทยมีรายได้เฉลี่ยโดยรวมต่อห้องพักลดลง 5.6% ในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา

“ผลการดำเนินธุรกิจที่ลดลงของโรงแรมในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ของไทยในปีที่ผ่านมา ทำให้มีนักลงทุนบางส่วนระมัดระวังมากขึ้นในการเลือกลงทุน ในขณะที่นักลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เล็งผลระยะยาวและเข้าใจวงจรการขึ้นลงของภาคการท่องเที่ยว ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดการท่องเที่ยวของเอเชียที่มีความสามารถในรับมือกับสถานการณ์ความผันผวนได้ดีที่สุด” นายจักรกริชกล่าว

นายไมค์ แบทเชเลอร์ ซีอีโอภาคพื้นเอเชีย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า “ในส่วนของนักลงทุนจากต่างชาติ การแข็งค่าของเงินบาทมีผลทำให้ทุนต่างชาติบางกลุ่มระมัดระวังในการเข้ามาลงทุนในไทย แต่โดยภาพรวมแล้วนักลงทุนต่างชาติยังคงให้ความสนใจสูงในการหาโอกาสการซื้อโรงแรมในไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในเอเชีย นอกจากนี้ ราคาขายยังถูกกว่ามากด้วย”

เจแอลแอลคาดว่า การลงทุนซื้อขายโรงแรมในไทยจะกลับมาปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ โดยประเมินว่ามูลค่าการลงทุนซื้อรวมของทั้งปีจะขึ้นไปที่ 1.0-1.2 หมื่นล้านบาท

เอเชียโดยสังเขป

ในปีที่ผ่านมา เอเชียมีการลงทุนซื้อขายโรงแรมเกิดขึ้นรวมมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 7.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2561 หลักๆ เป็นผลมาจากซื้อขายโรงแรมมูลค่าสูงที่เกิดขึ้นในประเทศที่เป็นตลาดหลักๆ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นยังครองตำแหน่งตลาดการซื้อขายที่มีสภาพคล่องสูงสุดในปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 109% จากปี 2561 ส่วนตลาดที่มีอัตราการขยายตัวของมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดคือสิงคโปร์ โดยปรับเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าจาก 129 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 เป็น 1.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562 ส่วนประเทศไทย มูลค่าการลงทุนซื้อขายโรงแรมในปี 2562 มีสัดส่วนคิดเป็น 1% ของมูลค่าการซื้อขายที่เกิดขึ้นในเอเชีย ลดลงจากปี 2561 ที่มีสัดส่วน 9%.


เกี่ยวกับ JLL

JLL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในธุรกิจบริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และบริหารการลงทุน วิสัยทัศน์ของเราคือการสร้างจินตนาการใหม่ให้กับโลกแห่งอสังหาริมทรัพย์ สร้างโอกาสที่ดี และมีส่วนร่วมในการสรรค์สร้างอสังหาริมทรัพย์อันน่าอัศจรรย์ให้เป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสานความใฝ่ฝันให้เป็นจริง ซึ่งตามวิสัยทัศน์ที่นี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า พนักงานและชุมชนของเรา JLL เป็นหนึ่งใน 500 บริษัทที่ที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้สูงสุดตามการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน โดยในปีที่ผ่านมา มีรายได้ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศและมีพนักงานทั่วโลกรวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 91,000 คน (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) JLL เป็นชื่อแบรนด์และเครื่องหมายการค้าของบริษัทโจนส์ แลง ลาซาลล์ (Jones Lang LaSalle Incorporated) ต้องการข้อมูลเพิ่ม โปรดไปที่ jll.com