กรุงเทพฯ ยังคงเป็นหนึ่งเมืองที่มีต้นทุนการเช่าพื้นที่สำนักงานเกรดพรีเมียมถูกที่สุดในโลก
ฮ่องกงครองอันดับแพงที่สุดในโลก แม้ค่าเช่าจะปรับลดลงไปแล้วกว่า 20%
รายงานที่มีชื่อว่า Premium Office Rent Tracker ฉบับล่าสุดจากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล เปิดเผยว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีต้นทุนการเช่าพื้นที่สำนักงานเกรดพรีเมียม (เกรดเอบวก) ถูกที่สุดอันดับที่ 15 ของโลก จากตลาดสำนักงานทั้งหมด 100 แห่งใน 86 เมืองทั่วโลกที่อยู่ในการสำรวจ นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังถูกที่สุดเป็นอันดับ 5 ของเอเชียแปซิฟิก และอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รายงาน Premium Office Rent Tracker ของเจแอลแอซึ่งนำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบเกี่ยวกับต้นทุนในการเช่า (ค่าเช่ารวมภาษีและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง) พื้นที่อาคารสำนักงานเกรดพรีเมียมในย่านธุรกิจสำคัญของหัวเมืองใหญ่ทั่วโลก ระบุว่า เขตเซ็นทรัลของฮ่องกงยังคงมีค่าเช่าแพงที่สุดในโลก คือ 240 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตารางฟุตต่อปี แม้ในช่วงปีนี้ ค่าเช่าจะปรับตัวลดลงไปแล้วกว่า 20% ส่วนเมืองที่มีค่าเช่าสำนักงานเกรดพรีเมียมถูกที่สุดในโลกคือ กรุงเนโรบีของประเทศเคนยา (17 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตารางฟุตต่อปี)
รายงานของเจแอลแอลยังระบุด้วยว่า โดยภาพรวม ค่าเช่าสำนักงานเกรดพรีเมียมในเมืองหลักๆ ทั่วโลกปรับตัวลดลงในปีนี้ แต่ส่วนใหญ่ ปรับลดลงน้อยกว่าค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรดเอทั่วไป อย่างไรก็ดี สำหรับกรุงเทพฯ พบว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อค่าเช่าสำนักงานเกรดพรีเมียมและเกรดเอบวกไม่แตกต่างกันมากนัก โดยเกรดพรีเมียมลดลงไป 4.5% ส่วนเกรดเอลดลง 4.4%
นายไมเคิล แกลนซี หัวหน้ากลุ่มธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย ให้เช่า เจแอลแอล กล่าวว่า “ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ปรับตัวลดลงครั้งแรกในปีนี้ หลังขยายตัวสูงขึ้นติดต่อกันมานับตั้งแต่ปี 2554 หลักๆ เป็นผลมาจากการที่ภาคธุรกิจมีความต้องการใช้พื้นที่เช่าน้อยลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาด ทำให้มีบริษัทผู้เช่าหลายรายลดขนาดสำนักงาน และอาคารสำนักงานมีพื้นที่ว่างเหลือเช่าสูงขึ้น”
“ขณะนี้ กรุงเทพฯ มีโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานคิดเป็นพื้นที่รวมอีก 2.4 ล้านตารางเมตรที่มีแผนจะสร้างเสร็จในช่วงหกปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ตลาดให้เช่ามีการแข่งขันสูงขึ้น และส่งแรงกดดันต่อค่าเช่า ในขณะเดียวกัน ซัพพลายที่จะสร้างเสร็จใหม่ มีหลายอาคารเป็นอาคารสำนักงานเกรดพรีเมียม ซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพอาคารในกรุงเทพในระยะยาว ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของตลาดอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯ ให้แข่งขันกับเมืองอื่นๆ ของโลกได้ดีขึ้น ในแง่ของการดึงดูดผู้เช่าที่เป็นบริษัทข้ามชาติ” นายแกลนซีกล่าว
นายเจรามี เคลลี ผู้อำนวยการดูแลฝ่ายวิจัยดูทั่วโลกของเจแอลแอล กล่าวว่า “สถานการณ์โรคระบาดได้เร่งให้แนวโน้มหลายๆ ประการที่เริ่มปรากฏขึ้นในช่วงก่อนหน้า มีการพัฒนาตัวอย่างรวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ ในระยะต่อไปเมื่อตลาดมีการปรับตัวได้ดีขึ้นและเริ่มฟื้นตัว บริษัทผู้เช่าหลายๆ บริษัท จะยังคงต้องการมีออฟฟิศที่ทำงานในอาคารเกรดพรีเมียมที่มีศักยภาพสูงกว่าในการช่วยให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่ให้สอดรับกับรูปแบบใหม่ๆ ของการทำงานในอนาคต”
เกี่ยวกับ JLL
JLL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในธุรกิจบริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และบริหารการลงทุน วิสัยทัศน์ของเราคือการสร้างจินตนาการใหม่ให้กับโลกแห่งอสังหาริมทรัพย์ สร้างโอกาสที่ดี และมีส่วนร่วมในการสรรค์สร้างอสังหาริมทรัพย์อันน่าอัศจรรย์ให้เป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสานความใฝ่ฝันให้เป็นจริง ซึ่งตามวิสัยทัศน์ที่นี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า พนักงานและชุมชนของเรา JLL เป็นหนึ่งใน 500 บริษัทที่ที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้สูงสุดตามการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน โดยในปีที่ผ่านมา มีรายได้ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศและมีพนักงานทั่วโลกรวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 91,000 คน (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) JLL เป็นชื่อแบรนด์และเครื่องหมายการค้าของบริษัทโจนส์ แลง ลาซาลล์ (Jones Lang LaSalle Incorporated) ต้องการข้อมูลเพิ่ม โปรดไปที่ jll.com