ข่าวสาร

ธุรกิจโรงแรมไทยเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ต่อเนื่อง

อัตราการเข้าพักโรงแรมในกรุงเทพฯ และภูเก็ตมีแนวโน้มผ่านพ้นจุดต่ำสุดในเร็วๆ นี้

กรกฎาคม 01, 2563

ภาคธุรกิจโรงแรมของไทยมีโอกาสมากขึ้นในการเริ่มเข้าสู่ระยะฟื้นตัว หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง-ท่องเที่ยวระหว่างจังหวัด บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล คาดว่า ตลาดโรงแรมของกรุงเทพฯ และภูเก็ตจะผ่านจุดต่ำสุดในเร็วๆ นี้ ในแง่ของอัตราการเข้าใช้บริการห้องพัก ตามการท่องเที่ยวภายในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น การเริ่มกลับมาเปิดเที่ยวบินภายในประเทศ และความเป็นไปได้ที่จะเริ่มมีการเปิดพรมแดนกับบางประเทศในอีกไม่นาน

ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงนับตั้งแต่พบผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 รายแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 มกราคมปีนี้ และมาตรการล็อคดาวน์ที่เกิดขึ้นตามมาซึ่งนำไปสู่การควบคุมการเดินทางทั้งในและระหว่างประเทศ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมและค่าบริการห้องพักปรับตัวดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงสี่เดือนแรกของปี

อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ มีความเป็นไปได้ที่ภาคธุรกิจโรงแรมของทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ตจะเริ่มค่อยๆ ฟื้นตัว เนื่องจากเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เป็นที่ยอมรับในระดับโลก เห็นได้จากการที่กรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับโดยมาสเตอร์การ์ดให้เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลกติดต่อกันสี่ปีซ้อนจาก 2559 - 2562 ในขณะที่ภูเก็ตได้รับการจัดอันดับจากทริปแอดไวเซอร์ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองของเอเชียในปี 2562 นอกจากนี้ ยังหนุนด้วยความพยายามในการยกระดับมาตรฐานด้านความสะอาดและสุขอนามัย ตามแคมเปญ Amazing Thailand Safety and Health Administration ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยริเริ่มขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุน หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดโรงแรมชั้นแนวหน้าทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ผู้ประกอบการและนักลงทุนกำลังเฝ้าติดตามการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของสถานการณ์โรคระบาดภายในประเทศ คาดว่า กรุงเทพฯ จะเป็นหนึ่งในตลาดโรงแรมของเอเชียที่ฟื้นตัวได้เร็วที่สุด เนื่องจากมีการพึ่งพาแหล่งรายได้ที่ค่อนข้างมีสมดุลจากผู้ใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและการท่องเที่ยว ส่วนภูเก็ต การฟื้นตัวมีแนวโน้มที่จะใช้เวลานานกว่า เนื่องจากพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก”

ความช่วยเหลือจากทั้งภาครัฐฯ และสถาบันการเงิน ช่วยผ่อนคลายผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้ในระดับหนึ่งในภาวะที่ผู้ประกอบการโรงแรมประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องและการแบกรับต้นทุนการดำเนินธุรกิจ เจแอลแอลคาดว่า กรุงเทพฯ จะมีโรงแรมที่เจ้าของประสบปัญหาจนต้องนำออกเสนอขายจำนวนไม่มาก เมื่อเทียบกับหัวเมืองอื่นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงมีความมั่นคงทางการเงิน ในขณะเดียวกัน มีนักลงทุนที่กำลังสนใจมองหาโอกาสการซื้อโรงแรม โดยเฉพาะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และกองทุนไพรเวท อิควิตี้ ซึ่งรับความเสี่ยงได้มากกว่าในขณะที่ตลาดการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล แนะว่า ผู้ประกอบการและนักลงทุนในตลาดโรงแรมของไทย ควรพิจารณาปัจจัยหลายประการ เพื่อให้สามารถกำหนดกลยุทธ์รองรับการฟื้นตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนี้

  • ประเมินสถานการณ์โรงแรมของตนเองเทียบกับกลุ่มโรงแรมในตลาดเดียวกันและสัดส่วนของแหล่งรายได้ในภาวะที่ตลาดมีอุปทานปริมาณมาก ทั้งที่มีอยู่เดิมและที่กำลังจะสร้างเสร็จ
  • คำนวณอัตราการเข้าพักที่ทำให้ธุรกิจถึงจุดคุ้มทุน และปัจจัยที่จะส่งผลให้มีความต้องการเพิ่มขึ้น ได้แก่ แผน Travel Bubble ที่รัฐบาลกำลังพิจารณา
  • ทำงานกับผู้บริหารโรงแรมและตัวแทนจำหน่ายห้องพักเพื่อวางแผนการที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทย พร้อมกับติดตามการเปิดพรมแดนอย่างใกล้ชิดเพื่อรอรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
  • อาศัยประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศในการกลับมาเริ่มเปิดบริการและสร้างฐานลูกค้านักท่องเที่ยวชาวไทย อาทิ การเสนอแพ็คเก็จ สเตเคชั่นเพื่อรองรับความต้องการในการท่องเที่ยวของชาวไทยที่ไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในช่วงล็อคดาวน์
  • เตรียมความพร้อมในการเปิดรับลูกค้าหลังวิกฤติการณ์โควิด-19 สิ้นสุด ทั้งในเรื่องของการดำเนินตามกฎระเบียบ และจัดเตรียมมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยและสุขอนามัย

นางปิตินุช ภู่พัฒน์วิบูลย์ รอบบินส์ รองประธานอาวุโสฝ่ายที่ปรึกษา หน่วยธุรกิจบริการที่ปรึกษาด้านโรงแรมของเจแอลแอล กล่าวว่า “ภาคธุรกิจโรงแรมของไทยมีศักยภาพที่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าหลายประเทศในโลกหลังวิกฤติโรคระบาดคลี่คลาย จากการที่หัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ของไทย มีชื่อเสียงในเรื่องการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้นักท่องเที่ยว ทั้งนี้ แม้ตลาดโรงแรมในแต่ละทำเลอาจต้องอาศัยกลยุทธ์รองรับการฟื้นตัวของธุรกิจที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมเชื่อว่าการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาจะไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากความมั่นใจของนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทยมีอยู่สูงเป็นทุนเดิมจะช่วยให้ ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการโรงแรมและนักลงทุนด้วย”


เกี่ยวกับ JLL

JLL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในธุรกิจบริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และบริหารการลงทุน วิสัยทัศน์ของเราคือการสร้างจินตนาการใหม่ให้กับโลกแห่งอสังหาริมทรัพย์ สร้างโอกาสที่ดี และมีส่วนร่วมในการสรรค์สร้างอสังหาริมทรัพย์อันน่าอัศจรรย์ให้เป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสานความใฝ่ฝันให้เป็นจริง ซึ่งตามวิสัยทัศน์ที่นี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า พนักงานและชุมชนของเรา JLL เป็นหนึ่งใน 500 บริษัทที่ที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้สูงสุดตามการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน โดยในปีที่ผ่านมา มีรายได้ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศและมีพนักงานทั่วโลกรวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 91,000 คน (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) JLL เป็นชื่อแบรนด์และเครื่องหมายการค้าของบริษัทโจนส์ แลง ลาซาลล์ (Jones Lang LaSalle Incorporated) ต้องการข้อมูลเพิ่ม โปรดไปที่ jll.com