ข่าวสาร

ที่ทำงานในอนาคตจะเน้นการมีความยืดหยุ่นเพื่อเพิ่มประสิทธิผลของพนักงาน

ผลการศึกษาของ JLL เผย บริษัทที่ให้ความยืดหยุ่นแก่พนักงานทั้งในด้านการทำงานและสถานที่ จะช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล

มีนาคม 19, 2564

บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล เผยผลงานวิจัยฉบับใหม่ Human Performance Indicator: HPI (ดัชนีประสิทธิผลของพนักงาน) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บริษัท/องค์กรต่างๆ ที่ต้องการเพื่อยกระดับประสิทธิผลการทำงานของพนักงาน จะต้องผสมผสานองค์ประกอบด้านต่างๆ เกี่ยวกับสถานที่ทำงาน อาทิ พื้นที่ออฟฟิศ เทคโนโลยี และวัฒนธรรมองค์กร

งานวิจัยฉบับดังกล่าว ศึกษากลุ่มตัวอย่างพนักงาน 1,500 คนของบริษัทต่างๆ ใน 5 ประเทศเอเชียแปซิฟิก โดยพบว่า กลุ่มพนักงานที่ทำงานได้ประสิทธิผลสูง คือกลุ่มที่มีโอกาสทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งในที่นี้หมายถึง การมีออฟฟิศที่สามารถรองรับการทำงานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นงานที่ต้องทำร่วมกันเป็นกลุ่ม และงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในระดับที่มากน้อยแตกต่างกัน มีเทคโนโลยีรองรับ และการได้รับความยืดหยุ่นในการทำงาน

  • 70% ของกลุ่มพนักงานที่ทำงานมีประสิทธิผลสูง เป็นพนักงานที่บริษัทให้ความยืดหยุ่นสูงในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเวลาเข้า-ออกงาน สถานที่ที่จะใช้ในการทำงานซึ่งรวมถึงการทำงานที่บ้าน
  • ในกลุ่มบริษัทที่ให้ความยืดหยุ่นสูงในการทำงาน มีพนักงานเพียง 34% ที่มีประสิทธิผลการทำงานต่ำ
  • ในกลุ่มพนักงานทั้งหมดที่มีประสิทธิผลการทำงานต่ำ มีความรู้สึกว่า บริษัทของตนไม่มีการจัดสรรพื้นที่ทำงานที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกันเป็นทีม ไม่มีเทคโนโลยีที่ดีรองรับ และวัฒนธรรมองค์กรไม่ส่งเสริมความเท่าเทียม
  • พนักงานของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี (53%) และกลุ่มพนักงานที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี (34%) มีจำนวนรวมกันคิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดของกลุ่มพนักงานที่ทำงานได้ประสิทธิผลสูงทั้งหมด

พนักงานที่ทำงานได้ประสิทธิผลสูงส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่ชื่นชอบและสนับสนุนแนวคิดการทำงานที่มีความยืดหยุ่น อย่างไรก็ดี พนักงานเหล่านี้ มองว่า ออฟฟิศยังคงมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงาน โดย 84% บอกว่ารู้สึกคิดถึงออฟฟิศในช่วงที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านระหว่างมีการใช้มาตรการล็อคดาวน์ เนื่องจากออฟฟิศมีพื้นที่ทำงานที่มีประโยชน์การใช้หลากหลายเหมาะกับรูปแบบการทำงานหลากวัตถุประสงค์มากกว่า อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่เอื้อให้การทำงานมีประสิทธิผล และเป็นที่ที่พนักงานทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิดมากกว่า

นายเจมส์ เทย์เลอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยกลุ่มธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับองค์กร เจแอลแอล เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “เป็นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่า บริษัท/องค์กรต่างๆ ต้องหาวิธิที่จะทำให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ แต่การจะได้มาซึ่งวิธีการดังกล่าว ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง ซึ่งงานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่า สูตรที่จะสามารถขับเคลื่อนประสิทธิผลของพนักงาน ต้องอาศัยการผสานองค์ประกอบที่สำคัญ อันได้แก่ ออฟฟิศสำนักงาน วัฒนธรรมองค์กร และเทคโนโลยีในที่ทำงาน”

พนักงานที่เข้าร่วมการสำรวจมีการให้คะแนนในด้านความพร้อมของสถานที่ทำงาน เทคโนโลยี และวัฒนธรรมองค์กร โดยคะแนนที่ได้ ถูกนำมาคำณวนเป็นดัชนีประสิทธิผลของพนักงาน ซึ่งมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 จุด และใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการกำหนดว่า สภาพแวดล้อมการทำงานแบบใดที่ส่งเสริมให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล

การวิจัยของเจแอลแอลพบว่า เพียง 1 ใน 3 ของสถานที่ทำงานในเอเชียแปซิฟิกมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล ทั้งนี้ หนึ่งในวิธีที่จะเพิ่มสมรรถภาพของพนักงานคือการจัดสรรสถานที่ทำงานที่มีการใช้พื้นที่หลากรูปแบบเพื่อรองรับความจำเป็นในการใช้ออฟฟิศสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ พื้นที่สำหรับการทำงานเป็นทีม ห้องประชุม พื้นที่สำหรับการทำงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือที่ต้องใช้สมาธิสูง และเทคโนโลยี โดยพบว่า ที่ทำงานที่ยิ่งมีพื้นที่การใช้งานและเทคโนโลยีที่หลากหลาย พนักงานยิ่งให้คะแนนความพอใจที่สูงขึ้น

การจัดสรรที่ทำงานให้มีพื้นที่ส่วนกลางที่พนักงานสามารถใช้ร่วมกันและมีปฏิสัมพันธ์กันได้ดียิ่งขึ้น จะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่กำหนดความสำเร็จของออฟฟิศในโลกการทำงานแห่งอนาคต ทั้งนี้ 96% ของพนักงานที่มีประสิทธิผลการทำงานสูง เน้นว่า ออฟฟิศของตนมีพื้นที่ลำลองส่วนกลางที่พนักงานสามารถใช้ร่วมกันและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันได้อย่างเป็นกันเอง อาทิ ระเบียงด้านนอก ห้องเล่นเกมส์ และบาร์บริการกาแฟ/เครื่องดื่ม

การทำงานนอกออฟฟิศ หรือการทำงานที่บ้าน อาจทำพนักงานรู้สึกโดดเดี่ยว แม้เทคโนโลยีปัจจุบันจะเอื้อให้ทำได้ แต่ไม่สามารถทดแทนสิ่งที่ได้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานได้ทั้งหมด ดังนั้น ตราบเท่าที่การทำงานยังจำเป็นต้องมีสังคมของการอยู่ร่วมกันในหมู่พนักงาน ออฟฟิศจะเป็นสิ่งที่บริษัทยังคงจำเป็นต้องมีต่อไป นอกจากนี้ การมีพื้นที่ลำลองส่วนกลางให้พนักงานสามารถใช้ร่วมกัน จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมในหมู่พนักงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อประสิทธิผลของพนักงานโดยรวมด้วย

นางแคมยา มิกลานี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยกลุ่มธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับองค์กร เจแอลแอล เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ในขณะที่บริษัท/องค์กรต่างๆ เปิดรับแนวคิดอนาคตของการทำงาน เป็นโอกาสเหมาะที่จะหาวิธีในการทำให้พนักงานสามารถแสดงสมรรถนะออกมาให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะโดยการเปิดโอกาสให้พนักงานมีความยืดหยุ่นในการเลือกรูปแบบการทำงานที่เหมาะกับตนเอง การออกแบบสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อให้พนักงานสามารถมีความคิดสร้างสรรค์ เกิดความร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมไปจนถึงการรู้สึกถึงการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมที่มีจุดมุ่งหมายและวิสัยทัศน์เดียวกัน สถานที่ทำงานในโลกอนาคตจะต้องให้ความสำคัญกับประสพการณ์ความรู้สึกของพนักงานเป็นศูนย์กลาง ควบคู่ไปกับการเติมเต็มในสิ่งที่พนักงานต้องการ การให้อิสระและสิทธิที่จะเลือกในสิ่งที่เหมาะกับตนเอง”

นายไมเคิล แกลนซี กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล กล่าวว่า “บริษัทของเราเองในประเทศไทย กำลังอยู่ระหว่างการออกแบบตกแต่งออฟฟิศใหม่ที่เดอะ ปาร์ค อาคารสำนักงานเกรดเอที่เพิ่งสร้างเสร็จ พัฒนาโครงการโดย ทีซีซี แอสเซ็ทส์และบริหารโครงการโดยเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โดยตั้งเป้าให้ออฟฟิศใหม่ของเราเป็นตัวอย่างวิถีใหม่ของโลกแห่งการทำงานในประเทศไทยที่เอื้อให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด มีการออกแบบและวางแนวทางการทำงานสำหรับพนักงาน ที่อิงตามผลการวิจัยของเราในเอเชียแปซิฟิก ทั้งในแง่ของการจัดสรรการใช้ประโยชน์ในพื้นที่สำนักงาน ให้มีทั้งที่นั่งทำงานทั้งในพื้นที่เปิดและพื้นที่ปิดสำหรับการทำงานที่ต้องการสมาธิสูง พื้นที่ลำลองสำหรับการประชุมพบปะพูดคุยที่ไม่เป็นทางการหรือการพักผ่อนชั่วคราวจากการทำงาน และรวมจนถึงการใช้เทคโนโลยีในสถานที่ทำงาน การลงทุนสร้างออฟฟิศใหม่ของเราครั้งนี้ จะช่วยให้พนักงานของเราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ดาวน์โหลดรายงาน ‘Decoding Human Performance


เกี่ยวกับ JLL

JLL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในธุรกิจบริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และบริหารการลงทุน วิสัยทัศน์ของเราคือการสร้างจินตนาการใหม่ให้กับโลกแห่งอสังหาริมทรัพย์ สร้างโอกาสที่ดี และมีส่วนร่วมในการสรรค์สร้างอสังหาริมทรัพย์อันน่าอัศจรรย์ให้เป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสานความใฝ่ฝันให้เป็นจริง ซึ่งตามวิสัยทัศน์ที่นี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า พนักงานและชุมชนของเรา JLL เป็นหนึ่งใน 500 บริษัทที่ที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้สูงสุดตามการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน โดยในปีที่ผ่านมา มีรายได้ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศและมีพนักงานทั่วโลกรวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 91,000 คน (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) JLL เป็นชื่อแบรนด์และเครื่องหมายการค้าของบริษัทโจนส์ แลง ลาซาลล์ (Jones Lang LaSalle Incorporated) ต้องการข้อมูลเพิ่ม โปรดไปที่ jll.com