JLL ประกาศการเป็นผู้นำในประเทศไทยในธุรกิจบริหารจัดการอาคารสำนักงานมาตรฐาน LEED

มากกว่าครึ่งของพื้นที่อาคารสำนักงานที่ได้รับและเตรียมรับการรับรองมาตรฐาน LEED ในกรุงเทพฯ อยู่ภายใต้ความดูแลของ JLL ในฐานะผู้บริหารอาคารและที่ปรึกษา

กรกฎาคม 22, 2562

บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอลในประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทมีพื้นที่สำนักงานภายใต้ความดูแลในฐานะผู้บริหารอาคารและที่ปรึกษาด้านการบริหารอาคาร ที่ขึ้นทะเบียนผ่านการรับรองและรอการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว LEED คิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้น 1.74 ล้านตารางเมตร หรือราว 58% ของที่ขึ้นทะเบียนทั้งหมดในกรุงเทพฯ ทำให้บริษัทครองตำแหน่งผู้นำในธุรกิจบริหารอาคารสำนักงานมาตรฐาน LEED ในประเทศไทย

LEED เป็นมาตรฐานอาคารเขียวที่กำหนดขึ้นสภาอาคารเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council: USGBC) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรฐานอาคารเขียวที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก โดยเป็นระบบการให้คะแนนด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของอาคารในด้านต่างๆ ตั้งแต่ การออกแบบโครงการ การก่อสร้าง การดำเนินการ ไปจนถึงการบริหารจัดการบำรุงรักษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้เจ้าของอาคารหรือผู้พัฒนาโครงการ ทำให้อาคารของตนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

นายเด็กซ์เตอร์ นอร์วิลล์ หัวหน้าร่วมของหน่วยธุรกิจบริหารจัดการอาคาร เจแอลแอล กล่าวว่า “ปัจจุบัน กรุงเทพฯ มีพื้นที่สำนักงานในอาคารที่สร้างเสร็จแล้วและผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED คิดเป็นปริมาณพื้นที่รวมทั้ง 1.26 ล้านตารางเมตร ในจำนวนนี้ เป็นพื้นที่สำนักงานในอาคารที่เจแอลแอลเป็นผู้บริหารคิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้น 877,000 ตารางเมตร หรือเกือบ 70% ทั้งนี้ หากนับเฉพาะอาคารที่มีการเสนอพื้นที่สำนักงานให้เช่า (ไม่นับรวมพื้นที่อาคารสำนักงานที่เจ้าของสร้างขึ้นเพื่อใช้เอง) และผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED ในกรุงเทพฯ จะมีปริมาณรวมทั้งสิ้น 630,000 ตารางเมตร ในจำนวนนี้ กว่า 90% หรือ 577,000 ตารางเมตรเป็นพื้นที่สำนักงานในอาคารที่เจแอลแอลเป็นผู้บริหารจัดการ”

อาคารสำนักงานและอาคารมิกซ์ยูสที่มีส่วนของพื้นที่สำนักงานรวมอยู่ด้วย ที่เจแอลแอลทำหน้าเป็นผู้บริหารอาคารและผ่านการรับรองมารฐาน LEED ได้แก่ ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ อาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ อาคารสาทร สแควร์ และอาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก นอกจากนี้ ยังมีอาคารสำนักงานอีก 4 โครงการที่เจแอลแอลเป็นผู้บริหารอาคารและกำลังอยู่ระหว่างรอการรับรองมาตรฐาน LEED  ได้แก่ อาคารจีทาวเวอร์ โครงการสปริง ทาวเวอร์ โครงการเดอะ ปาร์ค และโครงการสามย่าน มิตรทาวน์ ซึ่งสามโครงการหลังมีกำหนดจะสร้างเสร็จในปีนี้ โดยเดอะ ปาร์ค และสามย่าน มิตรทาวน์ เป็นโครงการประเภทมิกซ์ยูส

“เดอะ ปาร์ค เป็นโครงการพัฒนาโดยทีซีซี แอสเซ็ท และบริหารโดย เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ ส่วนสามย่าน มิตรทาวน์เป็นโครงการของโกลเด้นแลนด์ ซึ่งในช่วงระหว่างการก่อสร้าง เจแอลแอลได้รับหน้าที่เป็นปรึกษาด้านการบริหารอาคารให้กับทั้งสองโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่า อาคารจะสามารถดำเนินการและได้รับการบริหารจัดการตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน LEED รวมถึงมาตรฐานอาคาร WELL ในกรณีของโครงการเดอะ ปาร์คด้วย” นายเด็กซ์เตอร์กล่าว

WELL เป็นมาตรฐานอาคารที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นในหมู่เจ้าของอาคารและผู้พัฒนาโครงการ เป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นโดย the International WELL Building Institute (IWBI) มีการตรวจสอบรับรองคุณสมบัติอาคารในหลายด้าน ซึ่งโดยรวมๆ เป็นการประเมินผลกระทบของอาคารที่มีต่อสุขอนามัยของผู้ใช้หรืออยู่ในอาคาร ในขณะที่การรับรองมาตรฐาน LEED โดยทั่วไปจะเน้นให้ความสำคัญกับคุณสมบัติทางกายภาพของอาคารและผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม

เจแอลแอลยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารอาคารให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญๆ อีกจำนวนหนึ่งที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีเป้าหมายที่จะได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED ได้แก่ วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ โครงการพัฒนาอาคารสำนักงานเกรดพรีเมี่ยมภายใต้การร่วมทุนระหว่างไรมอน แลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565 และโครงการวัน แบงค็อก โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างทีซีซี แอสเซ็ท และเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ ทั้งนี้ เช่นเดียวกับเดอะ ปาร์ค โครงการวัน แบงค็อกได้มีการขึ้นทะเบียนเพื่อรอประเมินคุณสมบัติขอรับการรับรองมาตรฐาน WELL

“อาคารที่มีคุณสมบัติตามมาตรฐาน LEED ไม่เพียงต้องได้รับการก่อสร้างขึ้นด้วยคุณภาพมาตรฐานสูงเท่านั้น แต่ยังต้องได้รับการดูแลรักษาให้คงมีมาตรฐานตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์ตามที่อาคารได้รับการสร้างขึ้น ทั้งนี้ อาคารบางอาคารที่เราบริหาร ไม่ได้สร้างขึ้นตามข้อกำหนดของ LEED ตั้งแต่ต้น แต่สามารถได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED EBOM (Existing Building Operation and Maintenance) สำหรับอาคารที่มีอยู่เดิมที่มีการดำเนินการและการบริหารจัดการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการที่อาคารได้รับการบริหารจัดการด้วยมาตรฐานสูง และความมุ่งมั่นของเจ้าของอาคารและผู้บริหารอาคารในด้านความยั่งยืนและการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับผู้ใช้อาคาร” นายเด็กซ์เตอร์กล่าว

นายจักรพันธ์ ภวังคะรัตน์ หัวหน้าร่วมของหน่วยธุรกิจบริหารจัดการอาคาร เจแอลแอล กล่าวว่า “เจ้าของอาคารตระหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการพัฒนาโครงการให้มีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เป็นการเสริมศักยภาพขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งในอันที่จริง อาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้ประโยชน์ทั้งกับเจ้าของอาคารและผู้ที่เข้ามาเช่าใช้พื้นที่ ทั้งในแง่ของภาพลักษณ์การมีความรับผิดชอบต่อสังคม และการประหยัดต้นทุนจากการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ พยายามคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ช่วงเริ่มออกแบบโครงการ การก่อสร้าง การวางระบบ และแนวปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้อาคารได้รับการรับรองจากมาตรฐานอาคารเขียวที่เป็นที่ยอมรับ ดังเช่น LEED ของสหรัฐฯ หรือ TREES (Thai's Rating of Energy and Environmental Sustainability) ซึ่งเป็นมาตรฐานอาคารเขียวของไทยโดยสถาบันอาคารเขียวไทยที่จัดตั้งขึ้นโดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์”

“เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเป็นอาคารเขียว เจ้าของอาคารและบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายได้ดึงเอาที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยในขั้นตอนของการพัฒนาโครงการ การดำเนินการ และการบริหารจัดการอาคาร ด้วยเหตุนี้ ประกอบกับความเชี่ยวชาญของเราในการบริหารอาคารเขียว ทำให้เราได้รับงานการเป็นที่ปรึกษาและผู้บริหารอาคารที่ได้รับรองมาตรฐาน LEED เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา” นายจักรพันธ์กล่าว

ปัจจุบัน เจแอลแอลเป็นบริษัทบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ระหว่างประเทศที่มีอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ความดูแลในฐานะผู้บริหารจัดการและที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการ มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีพื้นที่รวมประมาณ 7 ล้านตารางเมตร เจแอลแอลยังได้รับรางวัลแบรนด์บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุดในประเทศไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 3 จาก Global Brands Magazine ประจำปี 2562


เกี่ยวกับ JLL

JLL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในธุรกิจบริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และบริหารการลงทุน วิสัยทัศน์ของเราคือการสร้างจินตนาการใหม่ให้กับโลกแห่งอสังหาริมทรัพย์ สร้างโอกาสที่ดี และมีส่วนร่วมในการสรรค์สร้างอสังหาริมทรัพย์อันน่าอัศจรรย์ให้เป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสานความใฝ่ฝันให้เป็นจริง ซึ่งตามวิสัยทัศน์ที่นี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า พนักงานและชุมชนของเรา JLL เป็นหนึ่งใน 500 บริษัทที่ที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้สูงสุดตามการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน โดยในปีที่ผ่านมา มีรายได้ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศและมีพนักงานทั่วโลกรวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 91,000 คน (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) JLL เป็นชื่อแบรนด์และเครื่องหมายการค้าของบริษัทโจนส์ แลง ลาซาลล์ (Jones Lang LaSalle Incorporated) ต้องการข้อมูลเพิ่ม โปรดไปที่ jll.com