การลงทุนในพร็อพเทคของอาเซียนปี 2562 มีมูลค่ารวม 72.9 ล้านดอลลาร์

ในปี 2562 ที่ผ่านมา การระดมทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (proptech) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 625.9 ล้านดอลลาร์ ลดลง 38.4% จากหนึ่งพันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า โดยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการระดมทุนรวมทั้งสิ้นราว 72.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นยอดการระดมทุนสูงสุดเป็นอันดับสองของเอเชียแปซิฟิก และสะท้อนให้เห็นถึงการเน้นให้ความสำคัญสูงกับพร็อพเทคตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา

คริส ฟอสสิค ซีอีโอภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเจแอลแอลกล่าวว่า  “ภูมิประชากรศาสตร์ของเอเชียตะวันมีองค์ประกอบที่เอื้อต่อการลงทุนด้านพร็อพเทค อาทิ การขยายตัวของจำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวที่มีความชำนาญในการใช้เทคโนโลยี การขยายตัวของเมือง และการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการที่ตลาดมีความโปร่งใสมากขึ้น คาดว่า การลงทุนในพร็อพเทคของภูมิภาคนี้จะยังคงขยายตัวและมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในการเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารจัดการและการทำธุรกรรมซื้อขายให้เช่าอสังหาริมทรัพย์”

ข้อมูลจาก Tech in Asia สื่อที่เน้นการนำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีซึ่งได้ร่วมมือกับเจแอลแอลในการศึกษาการลงทุนในพร็อพเทค แสดงให้เห็นว่า การระดมเงินทุนในพร็อพเทคของภูมิภาคมีมูลค่าลดลงในปีที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังให้ความสนใจสูงในการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านพร็อพเทคที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะสตาร์ทอัพในระดับซีรีส์ A หรือต่ำกว่านั้น

จอร์แดน คอสเตแล็ค ผู้อำนวยการดูแลด้านพร็อพเทคภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของเจแอลแอลกล่าวว่า “วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีในภาคอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับภาคธุรกิจอื่นๆ ซึ่งหมายความว่า ยังมีโอกาสอีกมากสำหรับการสร้างนวัตกรรมและการลงทุนใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยี สำหรับเอเชียแปซิฟิก พบว่า การใช้พร็อพเท็คโดยบริษัทต่างๆ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในส่วนของเจแอลแอลเอง เรามีการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายสำหรับให้บริการแก่ลูกค้า นอกจากนี้ เมื่อสองปีที่แล้ว เราได้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมา เพื่อศึกษาเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีการพัฒนาขึ้น สำหรับนำมาใช้ในการให้บริการแก่ลูกค้า”

อินโฟร์กราฟฟิกโดย Tech in Asia แสดงให้เห็นว่า สตาร์ทอัพระดับซีรีย์ A มีการระดมทุนมูลค่าเพิ่มขึ้นมากที่สุด จาก 12 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 เป็น 26.1 ล้านดอลลาร์ในปี 2562 หรือราว 117.5% ส่วนการระดมทุนโดยรวมสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 13.8 ล้านดอลลาร์ในปี 2560 เป็น 72.9 ล้านดอลลาร์ในปี 2562

นายคอสเตแล็คคาดว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์จะให้ความสนใจสูงในการลงทุนในเทคโนโลยีที่สามารถรับมือกับปัญหาการบริหารจัดการและใช้ข้อมูลของลูกค้าที่กลายเป็นเรื่องยากมากขึ้นจากการประกาศใช้กฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวในหลายๆ ประเทศ

“เราอยู่ในยุคที่การรวบรวมจัดเก็บข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น แต่การนำข้อมูลที่จัดเก็บมาไปใช้จำเป็นต้องคำนึงถึงให้มากเกี่ยวกับประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัว ซึ่งหมายความว่า จำเป็นต้องมีการปกป้องและบริหารจัดการข้อมูลที่ดี”

“ในขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญมากขึ้นในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น จึงมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นสำหรับพร็อพเท็คที่เกี่ยวข้อง อาทิเทคโนโลยีที่สามารถช่วยในการตรวจสอบวิเคราะห์การใช้พลังงานในอาคาร”