ข่าวสาร

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยมีโอกาสขยายตัว

นักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เริ่มสนใจมองหาโอกาส

เมษายน 25, 2565

นักลงทุนรวมถึงบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มให้ความสนใจมองหาโอกาสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้น เนื่องจากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ให้เช่า มีศักยภาพเติบโตสูง ตามการวิเคราะห์ของบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล

การเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่งอย่าง (Internet of Things: IoT) คลาวด์คอมพิวติ้ง ตลอดรวมจนถึงอีคอมเมอร์ส ทำให้เกิดข้อมูลปริมาณมหาศาลที่ต้องจัดเก็บและบริหารจัดการ ตามมาด้วยความต้องการสำหรับพื้นที่จัดเก็บเซิร์ฟเวอร์ ระบบคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและเครือข่าย และส่วนประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในขณะที่หลายบริษัทหรือองค์กรมีการจัดเก็บและบริหารข้อมูลภายในองค์กรของตนเอง มีองค์กรจำนวนมากขึ้นที่เช่าใช้พื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์จากบริษัทผู้ให้บริการ

สำหรับในประเทศไทย บริการดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ใช่ธุรกิจใหม่ ข้อมูลงานวิจัยของเจแอลแอลระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีดาต้าเซ็นเตอร์ให้เช่ารวมกว่า 24 แห่งที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการ อาทิ ซุปเปอร์แนป, เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์, เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ และเอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ เป็นต้น

นายทรัพยากร แสนสุขทวีทรัพย์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ เจแอลแอล กล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมา เราเริ่มได้รับการติดต่อสอบถามจากนักลงทุนจำนวนมากขึ้นทั้งในไทยและจากต่างประเทศเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทดาต้าเซ็นเตอร์”

“อย่างไรก็ดี ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ให้เช่าต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการพัฒนาโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ก็เช่นกัน ดังนั้น นอกเหนือจากความสนใจในการลงทุนซื้อดาต้าเซ็นเตอร์โดยตรง นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ยังมองกลยุทธ์อื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุนกับผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ รวมไปจนถึงโอกาสการเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการของบริษัทผู้ให้บริการ” นายทรัพยากรกล่าว

นอกจากนี้ เจแอลแอลวิเคราะห์ว่า มีความเป็นได้ที่บริษัทผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ จะต้องการเงินลงทุนสำหรับนำมาปรับปรุง-ยกระดับสถานที่และเทคโนโลยีของตน เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ด้วยว่า บริษัทผู้ให้บริการบางรายอาจสนใจที่จะขายอาคารสิ่งปลูกสร้าง เพื่อเช่ากลับจากนักลงทุนที่เข้าซื้อ (sale and lease back)

นายไมเคิล แกลนซี กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล กล่าวว่า “ในขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลุ่มหลักๆ ในประเทศไทย กำลังพบกับความท้าท้ายจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างมองหาโอกาสที่จะกระจายพอร์ตการลงทุนให้ครอบคลุมสินทรัพย์หลากหลายประเภทมากขึ้น และดาต้าเซ็นเตอร์ให้เช่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ทางเลือกประเภทหนึ่งที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เช่นเดียวกับกระแสที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก”

รายงานจากเจแอลแอลเปิดเผยว่า การลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกมีมูลค่ารวมมากถึง 47,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2564 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 34,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2563 ส่วนในเอเชียแปซิฟิก มูลค่าการซื้อขายในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,400 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2563 และเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2562


เกี่ยวกับ JLL

JLL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE: JLL) เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในธุรกิจบริการและบริหารการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ JLL มีส่วนสำคัญในการกำหนดอนาคตของอสังหาริมทรัพย์เพื่อโลกที่ดีกว่า ด้วยการสรรค์สร้างโอกาสที่ดี อสังหาริมทรัพย์ที่ยอดเยี่ยม และช่องทางในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งสำหรับลูกค้าและพนักงานของบริษัท ตลอดรวมจนถึงชุมชน โดยอาศัยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่สุด JLL เป็นหนึ่งใน 500 บริษัทชั้นนำที่ได้รับการจัดอันดับโดยฟอร์จูน (Fortune 500) ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศ และมีพนักงานทั่วโลก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 รวมกว่า 98,000 คน ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ทั่วโลกคิดเป็นยอดรวมทั้งสิ้นกว่า 19,400 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ JLL เป็นเครื่องหมายการค้าของ Jones Lang LaSalle Incorporated อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ jll.com