ดัชนีระยะสั้น เผยกรุงเทพฯ ติดอันดับที่ 28 ของโลกในกลุ่มเมืองที่มีศักยภาพสูงสุดในการเติบโต

มีนาคม 29, 2561

กรุงเทพฯ 29 มีนาคม 2561 - รายงาน City Momentum Index 

(ดัชนีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเมือง) ฉบับประจำปี 2561 โดยบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล เปิดเผยว่า กรุงเทพฯ ติดอันดับหนึ่งใน 30 เมืองของโลกที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งสูงสุดในระยะสั้น โดยอยู่ในอันดับที่ 28 ต่อจากดูไบ (อันดับ 27) และสิงคโปร์ (อันดับ 26) และมีค่าดัชนีสูงกว่าซีแอตเทิลของสหรัฐฯ (อันดับ 29) และบูคาเรสต์ เมืองหลวงของโรมาเนีย (อันดับ 30)

รายงานฉบับดังกล่าวของเจแอลแอล วิเคราะห์ปัจจัยหลากหลายด้านที่แสดงถึงศักยภาพในการประสบความสำเร็จของเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจ 131 เมืองทั่วโลก ในแง่มุมของความเข้มแข็งทางด้านสังคม-เศรษฐกิจ และการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงธุรกิจ ทั้งนี้ การจัดอันดับดัชนีศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ดัชนีระยะสั้นและดัชนีระยะยาว โดยดัชนีระยะยาวหมายถึงเมืองที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับดัชนีระยะสั้น พบว่า ในกลุ่มเมืองที่มีดัชนีสูงสุด 30 อันดับแรกของโลก เป็นเมืองของเอเชียแปซิฟิก 25 เมือง รวมถึงเมืองที่มีดัชนีสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สองเมืองของอินเดีย คือ ไฮเดอราบัด (อันดับ 1) และบังกาลอร์ (อันดับ 2) และนครโฮจิมินห์ของเวียดนาม (อันดับ 3)

เมืองที่มีดัชนีสูงสุดด้านการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะสั้น 30 อันดับแรกของโลก

1        ไฮเดราบัด*

2        บังกาลอร์*

3        นครโฮจิมินห์*

4        ปูเน่*

5        กัลกัตตา*

6        ฮานอย*

7        หนานจิง*

8        เดลี*

9        หางโจว*

10      ซีอาน*

11      ไนโรบี

12      ฉงชิ่ง*

13      หวูฮั่น*

14      เชนไน*

15      เซี่ยงไฮ้*

16      กวางโจว*

17      เทียนจิน*

18      มะนิลา*

19      เสินเจิ้น*

20      มุมไบ*

21      เฉิงตู*

22      ปักกิ่ง*

23      จาการ์ต้า*

24      กัวลาลัมเปอร์*

25      ลากอส

26      สิงคโปร์*

27      ดูไบ

28      กรุงเทพฯ*

29      ซีแอตเทิล

30      บูคาเรสต์

* เมืองของเอเชียแปซิฟิก

ที่มา: City Momentum Index 2018 โดยเจแอลแอล

ปัจจัยที่หนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะสั้น

•        จำนวนประชากร

•        การเชื่อมโยง (คมนาคม)

•        การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์

•        ราคาอสังหาริมทรัพย์

•        ผลิตผลทางเศรษฐกิจ

•        กิจกรรมทางธุรกิจ

•        การก่อสร้าง

•        ยอดค้าปลีก

สำหรับดัชนีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะสั้น มีเมืองของอินเดียหลายเมืองที่ติด 30 อันดับแรกของโลก เนื่องจากอยู่ในกลุ่มเมืองที่มีการเติบโตของจำนวนประชากรและเศรษฐกิจรวดเร็วมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากมาตรการของภาครัฐฯ ในการทำให้เป็นแหล่งธุรกิจที่มีความน่าสนใจ และการลงทุนในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

ส่วนเวียดนามได้อานิสงค์จากการหลั่งไหลเข้ามาของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เนื่องจากหัวเมืองหลักๆ ของเวียดนาม อาทิ นครโฮจิมินห์ และฮานอย กลายเป็นแหล่งผลิตและกระจายสินค้าไฮเทคที่สำคัญของภูมิภาคและของโลก ส่งผลให้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจและรายได้

เมืองใหญ่ๆ ของจีนมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมีจำนวนมากถึง 11 เมืองที่ติดอยู่ 30 อันดับแรกในรายงานดัชนีฉบับนี้ โดยเฉพาะเมืองที่ถูกใช้เป็นฐานการผลิตสินค้าที่สำคัญของโลก ซึ่งติดอันดับต้นๆ ได้แก่ หนานจิง (อันดับ 7) และหางโจว (อันดับ 9)

ส่วนเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจหลักของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดอยู่ในกลุ่ม 30 อันดับแรกของโลก ได้แก่ มะนิลา จาการ์ต้า กัวลาลัมเปอร์ และกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองที่ยังคงมีการเติบโตตามแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ เมืองเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นประตูสู่ภูมิภาคและมีความสามารถในการดึงดูดนักท่องเที่ยว นวัตกรรม และทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ การมีศักยภาพการเติบโตสูง ยังทำให้เมืองเหล่านี้ เป็นแหล่งธุรกิจที่มีบริษัทต่างๆ ขยายกิจการ อีกทั้งยังสามารถดึงดูดบริษัทของจีนที่กำลังขยายการลงทุนออกนอกประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ เมืองเหล่านี้ยังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของภาคอสังหาริมทรัพย์ ตามการสร้าง-ขยายเพิ่มขึ้นของโครงข่ายระบบสาธารณูปโภค

อย่างไรก็ดี การจัดอันดับดัชนีเมืองที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว พบว่า มีเมืองของเอเชียแปซิฟิกเพียง 5 เมืองเท่านั้นที่ติดอยู่นกลุ่ม 30 อันดับแรกของโลก ได้แก่ โตเกียว โซล ซิดนีย์ เมลเบอร์น และสิงคโปร์

ที่น่าสนใจคือ สิงคโปร์ เป็นเมืองเดียวของเอเชียแปซิฟิกที่ติดอยู่ในกลุ่ม 30 อันดับแรกของเมืองที่มีดัชนีสูงสุด ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากในระยะสั้น เศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์มีพลวัตสูง ในขณะที่สิงคโปร์ดำเนินมาตรการต่างๆ ในอันที่จะทำให้เมืองมีการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยาว

เมืองที่มีดัชนีศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว 30 อันดับแรกของโลก

1        ซานฟรานซิสโก

2        ซิลิคอน วัลเลย์

3        นิวยอร์ก

4        ลอนดอน

5        บอสตัน

6        ลอสแองเจลีส

7        ปารีส

8        อัมสเตอร์ดัม

9        โตรอนโต้

10      ซานดิเอโก

11      ชิคาโก

12      ซีแอตเทิล

13      โตเกียว*

14      ซิดนีย์*

15      มิวนิค

16      เบอร์ลิน

17      เมลเบอร์น*

18      ออสติน

19      แวนคูเวอร์

20      เดนเวอร์

21      วอชิงตันดีซี

22      โคเปนเฮเกน

23      สต็อคโฮม

24      เอดินเบอร์ก

25      ฟิลาเดลเฟีย

26      มอนทรีออล

27      เฮลซิงกิ

28      โซล*

29      สิงคโปร์*

30      ซูริค

* เมืองของเอเชียแปซิฟิก

ที่มา: City Momentum Index 2018 โดยเจแอลแอล

ปัจจัยที่หนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยาว

•        กลุ่มบริษัทเทคโนโลยี

•        การศึกษา

•        สิ่งแวดล้อม

•        ความโปร่งใส

•        สาธารณูปโภค

•        สิทธิบัตรระหว่างประเทศ

เจรามี เคลลีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเจแอลแอลทั่วโลก กล่าวว่า “เมืองต่างๆ ของเอเชียแปซิฟิกยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการขยายเศรษฐกิจและการเป็นประตูสู่ภูมิภาคที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก ทั้งในแง่ของการลงทุนและการค้าโลก การเติบโตที่กำลังดำเนินอยู่อย่างรวดเร็วในขณะนี้มีผลต่อการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วทั้งภูมิภาค ดังจะเห็นได้จากกิจกรรมการก่อสร้างที่เกิดขึ้นอย่างคึกคักและการเพิ่มขึ้นของอสังหาริมทรัพย์ที่มีความทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการ รวมไปจนถึงปริมาณการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงธุรกิจที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2560 ที่ผ่านมา”

“อย่างไรก็ดี การเติบโตที่รวดเร็วดังกล่าว ได้นำไปสู่ปัญหาบางประการ อาทิ การมีสาธารณูปโภคไม่เพียงพอรองรับ ราคาที่สูงขึ้นเร็วกว่ากำลังซื้อ รวมจนถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เพื่อให้สามารถรักษาการเติบโตให้ดำเนินต่อไปได้ในระยะยาว เมืองต่างๆ ของเอเชียแปซิฟิกจะต้องพยายามสร้างความยั่งยืน โดยการทำให้เมืองมีความน่าอยู่มากขึ้นและไม่แพงจนเกินไป มีกฎหมายที่โปร่งใส และมีสาธารณูปโภครองรับอย่างเพียงพอ ทั้งในเชิงกายภาพและด้านเทคโนโลยี”

รายงานฉบับเต็มสามารถดาวน์โหลดฟรีได้ที่ http://www.jll.com/research/203/jll-city-momentum-index-2018

เกี่ยวกับเจแอลแอล

เจแอลแอลเป็นบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก มีสำนักงานสาขา 300 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย เจแอลแอลเริ่มดำเนินธุรกิจมานับตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ด้วยพนักงานมากกว่า 1,600 คน และมีอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการคิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้นกว่า 5 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ เจแอลแอลยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวมอันดับหนึ่งของประเทศไทยติดต่อกันเจ็ดปีซ้อน ในการสำรวจความคิดเห็นของคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ประจำปี 2560 โดยนิตยสารยูโรมันนี (Euromoney Real Estate Survey 2017)


เกี่ยวกับ JLL

JLL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในธุรกิจบริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และบริหารการลงทุน วิสัยทัศน์ของเราคือการสร้างจินตนาการใหม่ให้กับโลกแห่งอสังหาริมทรัพย์ สร้างโอกาสที่ดี และมีส่วนร่วมในการสรรค์สร้างอสังหาริมทรัพย์อันน่าอัศจรรย์ให้เป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสานความใฝ่ฝันให้เป็นจริง ซึ่งตามวิสัยทัศน์ที่นี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า พนักงานและชุมชนของเรา JLL เป็นหนึ่งใน 500 บริษัทที่ที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้สูงสุดตามการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน โดยในปีที่ผ่านมา มีรายได้ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศและมีพนักงานทั่วโลกรวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 91,000 คน (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) JLL เป็นชื่อแบรนด์และเครื่องหมายการค้าของบริษัทโจนส์ แลง ลาซาลล์ (Jones Lang LaSalle Incorporated) ต้องการข้อมูลเพิ่ม โปรดไปที่ jll.com

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ? ติดต่อทีมงานของเรา